วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

คลิปวิดีโอ - มายากล ตลกมาก

เขมนิจ จามิกรณ์

ที่มา : http://www.series.in.th/108821/Magazine/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%A5/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%A5-vol-23-no-1164-September-2012.html

เวอร์ชั่นนี้ฮ่าสุดๆๆ PSY - GANGNAM STYLE - กำนันสิตาย

คนไทยไม่ทิ้งกัน


ลุงสมพงษ์ ขายขนมปังที่มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อหาเงินไปรักษาภรรยาที่ป่วยเป็นโรคไต ต้องฟอกไตอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2,000 บาท ลุงน่าสงสารมากช่วยเหลือลุงสมพงษ์ ด้วยนะคะ...
แจ้งเพิ่มเติมนะครับสำหรับเลขที่บัญชีของป้าที่ป่วยเป็นโรคไต นางสาวประทวน เพ็งเนียม ธนาคารคารกรุงเทพ สาขานเรศวร เลขที่บัญชี 620-0-26194-6 หรือสอบถามโดยตรงได่ที่เบอร์มือถือ 08 5049 3230 begin_of_the_skype_highlighting            08 5049 3230      end_of_the_skype_highlighting
หลังจากเมื่อวานนี้ได้นำเสนอเรื่องของลุงสมพงษ์ ที่ขายขนมปั
ง ปรากฏว่าวันนี้ (14/8/2555) มีทั้งน้องนิสิตและเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยนเรศวรไปช่วยกันซื้อขนมปังและร่วมทำบุญบริจาคกันเป็นจำนวนมากมาก วันนี้ลุงมีหน้าตาที่ยิ้มแย้มและแจ่มใสได้เล่าให้ฟังว่า “เมื่อเช้าลุงขึ้นรถประจำทางไปซื้อขนมปังโดยไปลงที่ศูนย์ขนส่ง พอลงจากศูนย์เสร็จแล้วลุงก็เดินไปซื้อโรงขนมปังแถวห้าแยกโคกมะตูมแล้วนำเอาหาบไปด้วยไปเพื่อไปใส่ขนมปังจำนวน 5 กระสอบหรือทั้งหมด 150 แพ็ค เพื่อนำมาขายภายในสัปดาห์นี้ แต่ว่าพอเอามาขายมันหมดภายในเวลาประไม่ถึง 2 ชั่วโมง คือประมาณ 6 โมงกว่าๆ ลุงขอขอบคุณทุกท่านที่มีน้ำใจกับลุงมากขนาดนี้ ลุงไม่รู้จะขอบคุณทุกคนยังไงที่ช่วยลุงทางตรงและทางอ้อม ลุงหวังว่าป้าเค้าจะหายป่วยเร็วๆ ส่วนเงินทั้งหมดที่บริจาคลุงจะเก็บไว้เป็นทุนในการซื้อขนมปังและเป็นเงินเอาไว้รักษาป้าที่ป่วย ขอบคุณที่ช่วยลุงนะทุกคน” ส่วนความคืบหน้าในเรื่องบัญชีธนาคารนั้นเบื้องต้น ลุงได้ให้เบอร์โทรป้าประทวนไว้เพื่อสอบถามเลขบัญชีธนาคาร แต่ลุงคงจดผิดเพราะว่าโทรไปแล้วไม่ติด และพรุ่งนี้ลุงรับปากแล้วว่าจะเอามาให้ใหม่ สำหรับคนที่จะช่วยเหลือลุงนั้นคาดว่าอย่างน้อยพรุ่งนี้คงจะได้เบอร์โทรศัพท์นะครับ
วันนี้ (13/8/2555) ผมได้มีโอกาสไปซื้อขนมปังเลี้ยงปลาเจ้าประจำซึ่งจะมีลุงแก่ๆ คนนึงนั่งขายที่หน้าร้านศูนย์อาหารไพริน แถวหน้าตึกวิศวกรรมศาสตร์ หลังจากที่ไม่ได้ไปนาน ซึ่งผมก็ได้เห็นกล่องเล็กๆสี่เหลี่ยมกล่องหนึ่งวางอยู่ข้างขนมปังซึ่งมีใจความว่า “รับบริจาคเงินสำหรับคนไข้โรคไตระยะสุดท้าย ขอบคุณค่ะ” และส่วนตัวผมก็ได้สอบถามลุงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตลุง ลุงก็เล่าพร้อมน้ำตาให้ฟังว่า “ลุงชื่อลุงสมพงษ์ กลัดแก้ว อายุ 59 ปี และมีภรรยาชื่อ นางสาวประทวน เพ็งเลียม อายุประมาณ 42 ปี ถ้าลุงจำไม่ผิดนะ ที่บ้านลุงอยู่ด้วนกัน 4 คนบ้านลุงอยู่แถววัดสะกัดน้ำมัน มีลูกผู้หญิงเรียนอยู่มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม ส่วนลูกชายคนเล็กอายุ 9 ขวบเรียนที่โรงเรียนจ่าการบุญ รายได้หลักของลุงก็ได้เป็นยามที่ศูนย์อาหารไพริน ได้เงินเดือนละ 4,000 บาท หลังจากหักค่าข้าวแล้วและก็เสียค่าประกันสังคมบ้าง ส่วนป้าประทวน นั้นเป็นแม่ครัวอยู่ที่เดียวกัน ได้เงินเดือนก็เดือนละ 4,800 บาท ค่าใช้จ่ายหลักๆก็ให้ลูกสาวคนโตเดือนละ 2,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟฟ้าที่บ้าน และค่าขึ้นรถประจำทางของลูกชายอีกเดือนละ 700 บาท และรายได้อีกอย่างนึงของลุงก็คือการขายขนมปังเนี่ยแหละ เมื่อก่อนลุงไม่ได้ขายขนมปังนะ เมื่อก่อนลุงขายกล้วยซึ่งกล้วยนั้นก็ตัดมาจากป่าแถวบ้าน ทุกๆ วันลุงจะขี่จักรยานเพื่อมาเป็นยามที่ศูนย์อาหารไพริน และก็นำกล้วยมาขาย มีโต๊ะอันนึงมาวางแล้วก็เก้าอี้มาตั้ง ขายได้บ้างไม่ได้บ้างก็หวังจะหาเงินให้ได้เยอะๆ เพราะเจ้าลูกชายคนเล็กมันยังเด็กส่วนลุงก็แก่มากแล้ว มีอยู่มาวันนึงก็มีนิสิตคนนึงมาซื้อกล้วย นิสิตของมอนอที่นี่แหละเป็นผู้หญิงบอกว่า “ลุงขายขนมปังสิ หนูจะช่วยลุงซื้อเอง” ลุงก็ได้เริ่มขายขนมปังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแต่ลุงก็ไม่เคยคิดที่จะเลิกขายกล้วยของลุงนะ หลังจากนั้นลุงก็ได้ใช้ชีวิตของลุงเรื่อยมา ปกติแฟนลุงก็ไปหาหมออยู่เป็นประจำ หมอก็นัดเรื่อยๆ แต่ครั้งหลังสุดที่หมอบอกก็ช่วงก่อนวันเข้าพรรษา คราวนี้ไปหาหมอ หมอบอกว่าต้องนอนโรงพยาบาลแล้ว เพราะเป็นโรคไต หมอให้นอนเลย ลุงก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไร หมดเงินไป 18,000 บาท เป็นเงินเก็บทั้งหมดของลุงที่เก็บมานานมากแล้ว ซึ่งสำหรับคนอื่นมันอาจจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ของลุงมันคือทั้งหมด ป้าต้องไปหาหมอเพื่อฟอกไตทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 2,000 บาท พอดีเจ๊ที่เป็นเจ้าของที่ลุงทำงานอยู่กับเค้าบอกว่าให้เขียนกล่องบริจาค เจ๊เขียนกล่องมาให้เลยเป็นลายมือเจ๊ เพราะลุงก็ไม่ค่อยจะรู้หนังสือเท่าไหร่ ใครจะช่วยบริจาคก็ได้ อยู่ที่บ้านก็เป็นลูกจ้างเค้ารับจ้างก่อสร้างบ้างผสมปูนบ้าง ก่อนป้าป่วยก็ไม่มีปัญหาอะไร พอมีพอกิน ความรู้สึกตอนนี้ของลุงแย่มาก น้อยใจชีวิต ก็ไม่รู้ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลูกสาวก็ลำบากต้องไปรับจ้างเฝ้าคนไข้วันละ 200 บาท ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือขายขนมปังกับกล้วยไปเรื่อยๆ อยู่ศูนย์อาหารไพรินนี่ไปเรื่อยๆ เพราะลุงก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ทางประกันสังคมก็ไม่คืบหน้า แต่ลุงก็ต้องทำหน้าที่ของลุงต่อไป” และลุงสมพงษ์ยังได้บอกอีกว่า ลุงสงสารป้ามากกินก็ไม่ค่อยได้ ขนาดน้ำจะกินก็ต้องกินเป็นหยด วอนผู้ใจบุญทั้งหลายไม่ต้องมากมายอะไรขอแค่รักษาป้าให้ผ่านพ้นไปได้ทีละอาทิตย์ก็พอ ส่วนผู้ใดที่สนใจที่จะช่วยเหลือลุงสมพงษ์นั้น ลุงสมพงษ์ไม่มีเลขบัญชีธนาคารหรือโทรศัพท์มือถือลุงมีแต่กล่องรับบริจาคซึ่งจะวางไว้ที่ศูนย์อาหารไพรินเท่านั้น

เป็นกำลังใจให้ชาวสุโขทัยทุกท่าน

เป็นกำลังใจกันต่อไปค่ะสำหรับชาวสุโขทัยทุกท่าน
ส่วนพื้นที่อื่นๆคงไม่มีใครตอบได้อย่างแน่นอนว่าปีนี้จะท่วมหรือไม่ เพราะฉะนั้นเรื่องน้ำท่วมจึงเป็นเรื่องที่เราควรต้องเตรียมตัวรับมือกันนะค่ะ :)
ที่มา : https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A73/312770185408336

เตรียมตัวสอบปลายภาค

บทลงโทษนิสิตทุจริตในการสอบ  ระดับปริญญาตรี 
 
วิทยาลัยการเมืองการปกครอง
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 
การทุจริตในการสอบ  หมายถึง  การกระทำของนิสิตในกรณีต่อไปนี้
1. มีเอกสารอื่นอยู่ในครอบครองนอกเหนือจากเอกสารที่กรรมการคุมสอบแจกให้
หรือมีข้อความใด ๆ อยู่ในสิ่งของหรือที่ตัวของนิสิต  อันอาจเป็นประโยชน์ต่อการสอบ
2.   มีเจตนาคัดลอกค าตอบของผู้อื่น  หรือการกระท าใด ๆ ที่ส่อเจตนา 
3.  มีการรับ – ส่งสัญญาณทุกประเภท
4.  การเข้าสอบแทนกันนับเป็นการทุจริตทั้งผู้เข้าสอบแทนและผู้ให้สอบแทน
5.  การกระท าอื่นใดที่กรรมการคุมสอบเห็นว่าเป็นการทุจิต
บทลงโทษ  นิสิตที่เจตนาฝ่าฝืนให้ได้รับโทษตามควรแก่กรณี  ดังนี้ 
1.  ปรับตก  (F  หรือ  U)  ในรายวิชาที่สอบ
2.  ปรับตก  (F  หรือ  U)  ในรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษานั้น ๆ
3.  ปรับตก  (F  หรือ  U)  ในรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษานั้น ๆ  
และให้พิจารณาโทษทางวินัยตามข้อบังคับ  ว่าด้วยวินัยนิสิต  อีกส่วนหนึ่งด้วย

อาหารบำรุงสมอง

วนอุทยานโกสัมพี สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดมหาสารคาม

            วนอุทยานโกสัมพี นับได้ว่าเป็น แหล่งท่องเที่ยว อีกสถานที่หนึ่งของ จังหวัดมหาสารคาม แหล่งท่องเที่ยว วนอุทยานโกสัมพี ได้รับการประกาศ จัดตั้งเป็นวนอุทยานฯ อย่างเป็นทางการ โดยกรมป่าไม้ ในวันที่ 1 เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2519 กับพื้นที่มากกว่า 125 ไร่ วนอุทยานโกสัมพี อยู่ในเขตการปกครอง ของท้องที่หมู่ 1 ตำบลหัวขวาง เขตสุขาภิบาล อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
            ลักษณะทางภูมิประเทศ ของแหล่งท่องเที่ยว วนอุทยานโกสัมพี จะเป็นป่าหนองบุ้ง มีลักษณะเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ มีพรรณไม้หลากหลายชนิด เช่น ตะเคียนทอง มะค่าโมง ตะแบกใหญ่ และพันธุ์ไม้อีกมากกมาย ในที่ราบลุ่มแม่น้ำชี ทำให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของ สัตว์ป่านานาชนิด อาทิเช่น ลิง นกสาลิกา นกกางเขนบ้าน นกเอี้ยงหงอน นกปรอดหัวโขน นกกิ้งโค้ง ฯลฯ
           สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ชอบการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ ธรรมชาติ วนอุทยานโกสัมพี น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด การท่องเที่ยว ที่ป่าหนองบุ้ง ในวนอุทยานโกสัมพี นักท่องเที่ยวจะได้เห็น ชีวิตการเป็นอยู่ ของสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด โดยเฉพาะลิงวอก ที่มีมากกว่า 500 ตัว เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว ในเชิงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อการศึกษา อีกทั้งยังเหมาะสำหรับเป็นสถานที่ สำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาว จังหวัดมหาสารคาม และประชาชนทั่วไป
ที่มา : http://www.onlinemoneyusd.ws/travel/Isan/Maha-Sarakham/Thailand-Tours.html

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

การตัดต่อวีดีโอ Program Ulead 11 ตอนความรู้บื้องต้น

การเคลื่อนไหวด้วยการออกกำลังกาย เปรียบแล้วก็เหมือนกับยารักษาโรค และนี่คือประโยชน์ที่สมองของคุณจะได้รับทุกครั้งที่คุณเริ่มออกกำลังกาย

การเคลื่อนไหวด้วยการออกกำลังกาย เปรียบแล้วก็เหมือนกับยารักษาโรค และนี่คือประโยชน์ที่สมองของคุณจะได้รับทุกครั้งที่คุณเริ่มออกกำลังกาย

1. ช่วยให้สมองเจริญเติบโต
          ยิ่งเราเเก่ตัวลงเท่าไหร่ การเกิดของเซลล์สมองก็จะยิ่งช้าลงเท่านั้น และเนื้อเยื่อในสมองของเราก็จะค่อย ๆ หดตัวลง แต่การออกกำลังกายจะช่วยเหลือในส่วนนี้ได้ จากการศึกษาผลการสแกนสมองของคนอายุ 60-79 ปี ที่มีสุขภาพดี แต่ไม่ชอบเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายนั้น ได้เเสดงให้เห็นว่า สมองของพวกเขามีขนาดที่ใหญ่ขึ้นภายใน 6 เดือน หลังจากที่ออกกำลังกายเเบบเต้นแอโรบิก แต่คนที่ออกกำลังกายเเบบยืด หรือคลายกล้ามเนื้อ จะได้รับผลน้อยมาก ๆ

          นอกจากนี้ นักวิจัยได้สรุปว่า การที่ระบบกล้ามเนื้อหัวใจสามารถทำงานได้ดีขึ้นนั้น เป็นผลมาจากการออกกำลังกายแบบแอโรบิก เเละการออกกำลังกายเเบบนี้ ยังมีผลน้อยมากกับการเปลี่ยนแปลงของสมองตามอายุ ในคนชรา การออกกำลังกายเเบบบริหารกล้ามเนื้อหัวใจ จะช่วยทำให้เลือดไหลไปหล่อเลี้ยงสมองได้มากขึ้น ซึ่งช่วยส่งออกซิเจนที่จำเป็นไปให้สมองได้มากขึ้นอีกด้วย (สมองใช้ออกซิเจนกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนทั้งหมดที่มีในร่างกาย)

2. ช่วยให้สมองสร้างฮอร์โมนได้มากขึ้น
          การที่เราออกกำลังกาย ก็เหมือนกับการที่เราเอาสารอาหารที่จำเป็นไปใส่ไว้ในพืช ซึ่งช่วยให้พืชเจริญเติบโตรวดเร็วเเละอุดมสมบูรณ์ นักเคมีรับรู้ว่า การที่สมองได้รับสารที่มีส่วนช่วยบำรุงสมอง หรือที่เรียกว่า BDNF จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของสมองและเพิ่มจำนวนเซลล์สมอง นี่เป็นความจริงที่สุด โดยเฉพาะกับสมองส่วนฮิปโปเเคมปัส ซึ่งเป็นหน่วยความจำของสมอง และสมองส่วนนี้จะเสื่อมตัวลงได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น ยิ่งคุณออกกำลังกายมากเท่าไหร่ ร่างกายก็ยิ่งหลั่งสารบำรุงสมองมากเท่านั้น

3. ช่วยลดความหดหู่และอาการวิตกกังวล
          ความโศกเศร้าหดหู่ จะส่งผลให้ความสามารถในการประมวลผลของสมองทำงานได้ช้าลง และทำให้เราไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อและตัดสินใจอะไรได้ รวมทั้งก่อปัญหาต่อความจำของเราอีกด้วย และหากใครที่หดหู่อย่างรุนแรง คุณหมอก็อาจจะออกใบสั่งยาแก้อาการซึมเศร้าให้ สำหรับคนที่ซึมเศร้าไม่หนักมาก การออกกำลังกายจะช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นการผลิตสารเซโรโธนิน และสารโดพามีน ซึ่งเป็นสารสำคัญที่สมองหลั่งออกมาเมื่อกำลังมีความสุข นอกจากนี้ การออกกำลังกาย ยังช่วยเพิ่มระดับของสารเอ็นโดรฟิน สารแห่งความสุขอีกด้วย
 
4. ช่วยลดผลจากความเครียด
          ถ้าฮอร์โมน BDNF จะช่วยให้สมองของคุณดูหนุ่มขึ้น ก็มีสารตรงข้ามแบบอื่น ๆ ที่ทำให้สมองของคุณแก่ตัวลงเช่นกัน นั่นรวมไปถึงฮอร์โมนที่มีชื่อว่า คอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนเเห่งความเครียด การทำอะไรช้า ๆ การที่มีความคิดกระจัดกระจาย และอาการขี้หลงขี้ลืม ล้วนแล้วแต่เกิดจากความเครียดมากกว่าที่เราจะตระหนักซะอีก 

          การออกกำลังกายจะช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอล และช่วยให้คุณกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า การออกกำลังกายช่วยสร้างเซลล์ในส่วนของสมองที่มีชื่อว่า Dentate Gyrus ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงกับส่วน hippocampus ที่เกี่ยวกับการสร้างความทรงจำ เซลล์สมองในส่วนนี้จะค่อย ๆ ว่างเปล่าไปเมื่อเราเกิดอาการเครียด  การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายต่อต้านสารอินซูลินได้ ยิ่งความไวในการรับสารอินซูลินมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงสภาพมากขึ้นเท่านั้น อย่างน้อยก็ 16 ชั่วโมงหลังจากการออกกำลังกาย และยิ่งร่างกายของคุณสามารถควบคุมระดับปริมาณน้ำตาลในเลือดได้มาก ก็จะช่วยเพิ่มการปกป้องต่อการเสื่อมของกระบวนการคิดของสมองได้ด้วย
ที่มา : http://www.webddee.com/knowledge-id42.html

8 อาหารมหัศจรรย์เพื่อฟันสวย (Lisa)

          8 อาหารมหัศจรรย์เพื่อฟันสวย (Lisa)

          อยากฟันขาวต้องกินอะไร มีเทคนิคอย่างไรให้คราบอาหารหลุดลอก เรามาลองดูกัน

           1.แอปเปิ้ล และแครอท ทั้งสองอย่างนี้คือผักผลไม้กรอบที่ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ซึ่งเป็นน้ำยาทำความสะอาดตามธรรมชาติ และด้วยความกรอบ จึงช่วยขัดคราบออกจากฟันในขณะที่เคี้ยวด้วย

           2.บร็อกโคลี่ ไม่เพียงแต่บร็อกโคลี่จะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันคุณจากมะเร็งและโรคหัวใจ แต่ยังช่วยปกป้องฟันโดยการสร้างเยื่อบาง ๆ ที่มีฤทธิ์ต้านกรด จึงช่วยปกป้องและเคลือบฟันอีกทีหนึ่ง เคยมีงานวิจัยจากบราซิลพบว่า บร็อกโคลี่จะช่วยลดการสึกกร่อนของเคลือบฟันที่เกิดจากน้ำอัดลมได้กว่าครึ่ง

          3.ส้ม และสับปะรด ผลไม้ทั้งสองช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำลาย สำหรับส้มนั้น ลองนำด้านในของเปลือกมาถูกับฟัน จะช่วยลดการสะสมของคราบ ทำให้ยิ้มของคุณสวยขึ้นอีก

           4.น้ำมะนาว สิ่งที่ต้องลองก็คือ ผสมน้ำมะนาวกับเบคกิ้งโซดา หรือเกลือ เพื่อนำมาแปรงฟันให้ฟันขาว (อย่าลืมกลั้วปากให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าหลังจากนั้น เพราะกรดจากน้ำมะนาวอาจทำให้เคลือบฟันกร่อนได้)

           5.สตรอเบอร์รี่ แตกต่างจากเบอร์รี่สีเข้มอื่น ๆ เพราะสตรอเบอร์รี่จะไม่ทำให้ฟันเป็นคราบ แต่จะช่วยขัดฟัน ลองผสมแป้งทำเป็นครีมแล้วทาลงบนฟันสัก 5 นาทีแล้วค่อยล้าง จะพบว่าฟันสะอาดขึ้น

          6.เห็ดหอม ความลับอยู่ที่น้ำตาล Lentinan ในเห็ดหอม จะช่วยป้องกันการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากที่นำไปสู่ฟันผุและเคลือบฟันกร่อน

           7.งา เมล็ดงาทำหน้าที่เป็นเหมือนสครับที่ช่วยลดคราบฟัน นอกจากนี้ ยังให้แคลเซียมซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อสุขภาพฟันที่ดี นอกจากงาแล้ว ถั่วอย่างเช่น อัลมอนด์ ก็ให้ผลแบบเดียวกัน

          8.น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ นับเป็นน้ำยาขจัดคราบที่ดีมาก แต่รสชาติไม่ค่อยเหมาะกับการนำไปกลั้วปากเท่าไหร่ ลองใช้แอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมกับเบกกิ้งโซดาทำเป็นครีมไว้ถูบนฟันจะดีกว่า
ที่มา : http://www.webddee.com/knowledge-id43.html

เปิดรับสมัครนิสิตภาคปลาย ปีการศึกษา 2555

บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดรับสมัครนิสิตภาคปลาย ปีการศึกษา 2555 สมัครทาง internetwww.grad.msu.ac.th 1-25 กันยายน 2555 สมัครด้วยตนเองที่บัณฑิตวิทยาลัย 29-30 กันยายน 2555 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หมายเลขโทรศัพท์ 043-754412 เว็บไซต์:www.grad.msu.ac.th
ที่มา : https://www.facebook.com/polsci.clinic.msu

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

โครงการ คุณธรรมจริยธรรมสำหรับนิสิต

ขอเชิญชวน บุคลากร นิสิตวิทยาลัยการเมืองการปกครอง และผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม โครงการคุณธรรมจริยธรรมสำหรับนิสิต ใช้ชื่อว่า “ค่ายอบรมธรรมะ” โดยพระวิทยากรจากวัดป่าวังเลิง และจัดขึ้น ณ วัดป่าวังเลิง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ในวันเสาร์ที่ 8 และ วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2555 ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว เครื่องนอน (เท่าที่จำเป็น) และให้สวมใส่เสื้อสีขาวตลอดการจัดกิจกรรม.. 
ที่มา : https://www.facebook.com/copag.msu.ac.th

Challenges and Prospects in ASEAN and Beyond

วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นเจ้าภาพร่วมกับ สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย จัดการประชุมนานาชาติ เรื่อง "The 2012 Thailand International Conference on Public Administration and Public Affairs: Challenges and Prospec
ts in ASEAN and Beyond" August 30-31, 2012 BITEC, Bangkok, THAILAND โดยมี ภาคีร่วมอีก 10 สถาบัน

เมื่อวันที่ 30-31 สิงหาคม 2555 วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำโดย รศ.สีดา สอนศรี คณบดีวิทยาลัยการเมืองการปกครอง ผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร และนิสิต จำนวนทั้งสิ้น 21 คน ได้เข้าร่วมงานประชุมนานาชาติ เรื่อง "The 2012 Thailand International Conference on Public Administration and Public Affairs: Challenges and Prospects in ASEAN and Beyond" August 30-31, 2012 BITEC, Bangkok, THAILAND ณ ศูนย์ประชุมไบเทคบางนา โดยได้รับเกียรติจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครฯ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

ภายในงาน วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ 3 ฝ่าย (MOU) ระหว่าง สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย (PAAT) โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ยาวะประภาษ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (นายกสมาคม) กับ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง โดย รศ.สีดา สอนศรี (อุปนายก) และ Prof.Alex Brillantes (นายกสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์) และ เลขาธิการสภาผู้แทนสภาราษฎร์ (ของฟิลิปปินส์)


ที่มา: 
https://www.facebook.com/copag.msu.ac.th

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

คิดดูดีๆว่ามีความทรงจำอะไรบ้างในความคิดเราที่มันถูกผลิตซ้ำ


"ความทรงจำของสังคมไม่ได้เป็นเรื่องอัตโนมัติ หากต้องสร้างและผลิตซ้ำขึ้น แม้แต่การเอาชื่อไปวางไว้เป็นสมญาของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็ไม่ใช่หลักประกันว่าจะได้รับการจดจำจากสังคมหรือจำอย่างถูกต้องครบถ้วนแม่นยำ.."

เกษียร เตชะพีระ
ที่มา: http://blogazine.in.th/blogs/iskra/post/3561

GANGNAM STYLE กำลังมาแรง ฟังเพลงสนุกๆ

"สมัยก่อนเคร่งครัดมาก แม้จะทำสีผมเป็นสีทองเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ก็ยังไม่ได้ มือขวาที่ใช้ยื่นรับพระราชทานปริญญาบัตร ต้องไม่สวมแหวนหรือเครื่องประดับใดๆ ปัจจุบันถึงจะหย่อนยานลงไปบ้าง แต่ใครขานเพศไหน ก็ควรแต่งกายตามเพศนั้น ขณะเดียวกันบัณฑิตควรพึงระลึกไว้ว่า การเป็นบัณฑิตนั้นไม่ใช่เพราะสอบได้ คะแนนถึง ก็เลยได้เป็นบัณฑิต แต่ต้องถึงพร้อมด้วยคุณธรรม จริยธรรม รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควรด้วย"

นายประสาท สืบค้า
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) อดีตประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.)
ที่มา : http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01p0112260855