วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

คนไทยไม่ทิ้งกัน


ลุงสมพงษ์ ขายขนมปังที่มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อหาเงินไปรักษาภรรยาที่ป่วยเป็นโรคไต ต้องฟอกไตอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2,000 บาท ลุงน่าสงสารมากช่วยเหลือลุงสมพงษ์ ด้วยนะคะ...
แจ้งเพิ่มเติมนะครับสำหรับเลขที่บัญชีของป้าที่ป่วยเป็นโรคไต นางสาวประทวน เพ็งเนียม ธนาคารคารกรุงเทพ สาขานเรศวร เลขที่บัญชี 620-0-26194-6 หรือสอบถามโดยตรงได่ที่เบอร์มือถือ 08 5049 3230 begin_of_the_skype_highlighting            08 5049 3230      end_of_the_skype_highlighting
หลังจากเมื่อวานนี้ได้นำเสนอเรื่องของลุงสมพงษ์ ที่ขายขนมปั
ง ปรากฏว่าวันนี้ (14/8/2555) มีทั้งน้องนิสิตและเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยนเรศวรไปช่วยกันซื้อขนมปังและร่วมทำบุญบริจาคกันเป็นจำนวนมากมาก วันนี้ลุงมีหน้าตาที่ยิ้มแย้มและแจ่มใสได้เล่าให้ฟังว่า “เมื่อเช้าลุงขึ้นรถประจำทางไปซื้อขนมปังโดยไปลงที่ศูนย์ขนส่ง พอลงจากศูนย์เสร็จแล้วลุงก็เดินไปซื้อโรงขนมปังแถวห้าแยกโคกมะตูมแล้วนำเอาหาบไปด้วยไปเพื่อไปใส่ขนมปังจำนวน 5 กระสอบหรือทั้งหมด 150 แพ็ค เพื่อนำมาขายภายในสัปดาห์นี้ แต่ว่าพอเอามาขายมันหมดภายในเวลาประไม่ถึง 2 ชั่วโมง คือประมาณ 6 โมงกว่าๆ ลุงขอขอบคุณทุกท่านที่มีน้ำใจกับลุงมากขนาดนี้ ลุงไม่รู้จะขอบคุณทุกคนยังไงที่ช่วยลุงทางตรงและทางอ้อม ลุงหวังว่าป้าเค้าจะหายป่วยเร็วๆ ส่วนเงินทั้งหมดที่บริจาคลุงจะเก็บไว้เป็นทุนในการซื้อขนมปังและเป็นเงินเอาไว้รักษาป้าที่ป่วย ขอบคุณที่ช่วยลุงนะทุกคน” ส่วนความคืบหน้าในเรื่องบัญชีธนาคารนั้นเบื้องต้น ลุงได้ให้เบอร์โทรป้าประทวนไว้เพื่อสอบถามเลขบัญชีธนาคาร แต่ลุงคงจดผิดเพราะว่าโทรไปแล้วไม่ติด และพรุ่งนี้ลุงรับปากแล้วว่าจะเอามาให้ใหม่ สำหรับคนที่จะช่วยเหลือลุงนั้นคาดว่าอย่างน้อยพรุ่งนี้คงจะได้เบอร์โทรศัพท์นะครับ
วันนี้ (13/8/2555) ผมได้มีโอกาสไปซื้อขนมปังเลี้ยงปลาเจ้าประจำซึ่งจะมีลุงแก่ๆ คนนึงนั่งขายที่หน้าร้านศูนย์อาหารไพริน แถวหน้าตึกวิศวกรรมศาสตร์ หลังจากที่ไม่ได้ไปนาน ซึ่งผมก็ได้เห็นกล่องเล็กๆสี่เหลี่ยมกล่องหนึ่งวางอยู่ข้างขนมปังซึ่งมีใจความว่า “รับบริจาคเงินสำหรับคนไข้โรคไตระยะสุดท้าย ขอบคุณค่ะ” และส่วนตัวผมก็ได้สอบถามลุงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตลุง ลุงก็เล่าพร้อมน้ำตาให้ฟังว่า “ลุงชื่อลุงสมพงษ์ กลัดแก้ว อายุ 59 ปี และมีภรรยาชื่อ นางสาวประทวน เพ็งเลียม อายุประมาณ 42 ปี ถ้าลุงจำไม่ผิดนะ ที่บ้านลุงอยู่ด้วนกัน 4 คนบ้านลุงอยู่แถววัดสะกัดน้ำมัน มีลูกผู้หญิงเรียนอยู่มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม ส่วนลูกชายคนเล็กอายุ 9 ขวบเรียนที่โรงเรียนจ่าการบุญ รายได้หลักของลุงก็ได้เป็นยามที่ศูนย์อาหารไพริน ได้เงินเดือนละ 4,000 บาท หลังจากหักค่าข้าวแล้วและก็เสียค่าประกันสังคมบ้าง ส่วนป้าประทวน นั้นเป็นแม่ครัวอยู่ที่เดียวกัน ได้เงินเดือนก็เดือนละ 4,800 บาท ค่าใช้จ่ายหลักๆก็ให้ลูกสาวคนโตเดือนละ 2,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟฟ้าที่บ้าน และค่าขึ้นรถประจำทางของลูกชายอีกเดือนละ 700 บาท และรายได้อีกอย่างนึงของลุงก็คือการขายขนมปังเนี่ยแหละ เมื่อก่อนลุงไม่ได้ขายขนมปังนะ เมื่อก่อนลุงขายกล้วยซึ่งกล้วยนั้นก็ตัดมาจากป่าแถวบ้าน ทุกๆ วันลุงจะขี่จักรยานเพื่อมาเป็นยามที่ศูนย์อาหารไพริน และก็นำกล้วยมาขาย มีโต๊ะอันนึงมาวางแล้วก็เก้าอี้มาตั้ง ขายได้บ้างไม่ได้บ้างก็หวังจะหาเงินให้ได้เยอะๆ เพราะเจ้าลูกชายคนเล็กมันยังเด็กส่วนลุงก็แก่มากแล้ว มีอยู่มาวันนึงก็มีนิสิตคนนึงมาซื้อกล้วย นิสิตของมอนอที่นี่แหละเป็นผู้หญิงบอกว่า “ลุงขายขนมปังสิ หนูจะช่วยลุงซื้อเอง” ลุงก็ได้เริ่มขายขนมปังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแต่ลุงก็ไม่เคยคิดที่จะเลิกขายกล้วยของลุงนะ หลังจากนั้นลุงก็ได้ใช้ชีวิตของลุงเรื่อยมา ปกติแฟนลุงก็ไปหาหมออยู่เป็นประจำ หมอก็นัดเรื่อยๆ แต่ครั้งหลังสุดที่หมอบอกก็ช่วงก่อนวันเข้าพรรษา คราวนี้ไปหาหมอ หมอบอกว่าต้องนอนโรงพยาบาลแล้ว เพราะเป็นโรคไต หมอให้นอนเลย ลุงก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไร หมดเงินไป 18,000 บาท เป็นเงินเก็บทั้งหมดของลุงที่เก็บมานานมากแล้ว ซึ่งสำหรับคนอื่นมันอาจจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ของลุงมันคือทั้งหมด ป้าต้องไปหาหมอเพื่อฟอกไตทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 2,000 บาท พอดีเจ๊ที่เป็นเจ้าของที่ลุงทำงานอยู่กับเค้าบอกว่าให้เขียนกล่องบริจาค เจ๊เขียนกล่องมาให้เลยเป็นลายมือเจ๊ เพราะลุงก็ไม่ค่อยจะรู้หนังสือเท่าไหร่ ใครจะช่วยบริจาคก็ได้ อยู่ที่บ้านก็เป็นลูกจ้างเค้ารับจ้างก่อสร้างบ้างผสมปูนบ้าง ก่อนป้าป่วยก็ไม่มีปัญหาอะไร พอมีพอกิน ความรู้สึกตอนนี้ของลุงแย่มาก น้อยใจชีวิต ก็ไม่รู้ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลูกสาวก็ลำบากต้องไปรับจ้างเฝ้าคนไข้วันละ 200 บาท ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือขายขนมปังกับกล้วยไปเรื่อยๆ อยู่ศูนย์อาหารไพรินนี่ไปเรื่อยๆ เพราะลุงก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ทางประกันสังคมก็ไม่คืบหน้า แต่ลุงก็ต้องทำหน้าที่ของลุงต่อไป” และลุงสมพงษ์ยังได้บอกอีกว่า ลุงสงสารป้ามากกินก็ไม่ค่อยได้ ขนาดน้ำจะกินก็ต้องกินเป็นหยด วอนผู้ใจบุญทั้งหลายไม่ต้องมากมายอะไรขอแค่รักษาป้าให้ผ่านพ้นไปได้ทีละอาทิตย์ก็พอ ส่วนผู้ใดที่สนใจที่จะช่วยเหลือลุงสมพงษ์นั้น ลุงสมพงษ์ไม่มีเลขบัญชีธนาคารหรือโทรศัพท์มือถือลุงมีแต่กล่องรับบริจาคซึ่งจะวางไว้ที่ศูนย์อาหารไพรินเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น